การบังคับคดีแพ่ง

การบังคับคดีแพ่ง

การบังคับคดีแพ่ง คือ กระบวนการทางกฎหมายที่บังคับให้ลูกหนี้ปฏิบัติตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลในคดีแพ่ง เช่น การชำระหนี้ การส่งมอบทรัพย์สิน

หรือการกระทำการหรืองดเว้นกระทำการใดๆ หากลูกหนี้ไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา เจ้าหนี้สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีได้

การบังคับคดีแพ่ง คือ กระบวนการทางกฎหมายที่บังคับให้ลูกหนี้ปฏิบัติตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลในคดีแพ่ง เช่น การชำระหนี้ การส่งมอบทรัพย์สิน หรือการกระทำการหรืองดเว้น

กฎหมายบังคับคดีในประเทศไทยมีรายละเอียดที่สำคัญหลายประการ ซึ่งเกี่ยวข้องกับกระบวนการบังคับคดีแพ่ง เพื่อให้การบังคับคดีเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย ผมจะสรุปประเด็นสำคัญของกฎหมายบังคับคดี ดังนี้

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

กฎหมายหลักที่เกี่ยวข้องกับการบังคับคดีแพ่ง คือ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง บรรพ 4 ว่าด้วยการบังคับคดี (มาตรา 271 ถึง 367) นอกจากนี้ ยังมีกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น พระราชบัญญัติล้มละลาย พระราชบัญญัติการบังคับคดีโดยภาครัฐ พ.ศ. 2561

หลักการสำคัญของกฎหมายบังคับคดี

  • การบังคับคดีตามคำพิพากษา: การบังคับคดีจะกระทำได้ต่อเมื่อมีคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลที่ถึงที่สุดแล้ว
  • ระยะเวลาการบังคับคดี: ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 274 กำหนดระยะเวลาการบังคับคดีไว้ 10 ปี นับแต่วันที่มีคำพิพากษาหรือคำสั่ง
  • การขอออกหมายบังคับคดี: เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาต้องยื่นคำขอต่อศาลเพื่อให้ศาลออกหมายบังคับคดี
  • การแต่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดี: เมื่อศาลออกหมายบังคับคดีแล้ว เจ้าหนี้ต้องติดต่อกรมบังคับคดีเพื่อแต่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดี
  • วิธีการบังคับคดี: วิธีการบังคับคดีมีหลายวิธี เช่น การยึดทรัพย์สิน การอายัดทรัพย์สิน การขับไล่ การบังคับให้กระทำการหรืองดเว้นกระทำการ
  • การคุ้มครองสิทธิของลูกหนี้: กฎหมายมีบทบัญญัติเพื่อคุ้มครองสิทธิของลูกหนี้ เช่น การกำหนดทรัพย์สินที่ไม่สามารถยึดได้ การกำหนดวิธีการขายทอดตลาดที่เป็นธรรม

ประเด็นสำคัญในกฎหมายบังคับคดี

  • ทรัพย์สินที่อาจถูกบังคับคดี: ทรัพย์สินทุกชนิดของลูกหนี้สามารถถูกบังคับคดีได้ ยกเว้นทรัพย์สินที่กฎหมายกำหนดไว้เป็นการเฉพาะ เช่น เครื่องนุ่งห่ม เครื่องใช้ในครัวเรือน เครื่องมือประกอบอาชีพ
  • วิธีการยึดทรัพย์สิน: การยึดทรัพย์สินต้องกระทำโดยเจ้าพนักงานบังคับคดีตามหมายบังคับคดี
  • การขายทอดตลาด: การขายทอดตลาดต้องกระทำโดยเปิดเผยและเป็นธรรม เพื่อให้ได้ราคาที่เป็นธรรม
  • การอายัดทรัพย์สิน: การอายัดทรัพย์สิน เช่น เงินเดือน เงินฝากธนาคาร ต้องกระทำตามคำสั่งศาล
  • การเฉลี่ยทรัพย์: หากมีเจ้าหนี้หลายราย เจ้าพนักงานบังคับคดีจะเฉลี่ยทรัพย์สินให้แก่เจ้าหนี้ตามสัดส่วนของหนี้
  • การร้องขัดทรัพย์: บุคคลภายนอกที่มีส่วนได้เสียในทรัพย์สินที่ถูกยึดสามารถร้องขัดทรัพย์ได้

การบังคับคดีโดยภาครัฐ

พระราชบัญญัติการบังคับคดีโดยภาครัฐ พ.ศ. 2561 กำหนดให้พนักงานอัยการมีอำนาจหน้าที่ในการบังคับคดีแทนรัฐหรือหน่วยงานของรัฐ เพื่อให้การบังคับคดีภาครัฐเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

ข้อควรระวัง

  • ควรปรึกษาทนายความหรือผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายหากมีข้อสงสัยหรือปัญหาเกี่ยวกับการบังคับคดี
  • ควรรักษาระยะเวลาการบังคับคดี 10 ปี หากพ้นกำหนดแล้วจะไม่สามารถบังคับคดีได้

กระทำการใดๆ หากลูกหนี้ไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา เจ้าหนี้สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีได้

 

วิธีการบังคับคดีแพ่ง

วิธีการบังคับคดีแพ่งที่สำคัญ ได้แก่

  • การยึดทรัพย์สิน: เจ้าพนักงานบังคับคดีจะทำการยึดทรัพย์สินของลูกหนี้เพื่อนำไปขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้
  • การอายัดทรัพย์สิน: เจ้าพนักงานบังคับคดีจะทำการอายัดทรัพย์สินของลูกหนี้ เช่น เงินเดือน เงินฝากธนาคาร เพื่อนำมาชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้
  • การขับไล่: ในกรณีที่คำพิพากษาให้ขับไล่บุคคลออกจากอสังหาริมทรัพย์ เจ้าพนักงานบังคับคดีจะดำเนินการขับไล่
  • การบังคับให้กระทำการหรืองดเว้นกระทำการ: ในกรณีที่คำพิพากษาให้ลูกหนี้กระทำการหรืองดเว้นกระทำการใดๆ เจ้าพนักงานบังคับคดีจะดำเนินการให้เป็นไปตามคำพิพากษา

ขั้นตอนการบังคับคดีแพ่ง

  1. การขอออกหมายบังคับคดี: เจ้าหนี้จะต้องยื่นคำขอต่อศาลเพื่อให้ศาลออกหมายบังคับคดี
  2. การแต่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดี: เมื่อศาลออกหมายบังคับคดีแล้ว เจ้าหนี้จะต้องติดต่อกรมบังคับคดีเพื่อแต่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดี
  3. การดำเนินการบังคับคดี: เจ้าพนักงานบังคับคดีจะดำเนินการบังคับคดีตามวิธีการที่เหมาะสม เช่น การยึดทรัพย์สิน การอายัดทรัพย์สิน หรือการขับไล่
  4. การจำหน่ายทรัพย์สิน: หากมีการยึดทรัพย์สิน เจ้าพนักงานบังคับคดีจะนำทรัพย์สินนั้นไปขายทอดตลาด
  5. การจ่ายเงิน: เจ้าพนักงานบังคับคดีจะนำเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดมาชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้

ปัญหาและอุปสรรคในการบังคับคดีแพ่ง

  • ความล่าช้า: กระบวนการบังคับคดีอาจใช้เวลานาน ทำให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ล่าช้า
  • ค่าใช้จ่าย: การบังคับคดีมีค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าทนายความ และค่าใช้จ่ายในการดำเนินการของเจ้าพนักงานบังคับคดี
  • การหลบเลี่ยงของลูกหนี้: ลูกหนี้บางรายอาจพยายามหลบเลี่ยงการบังคับคดี เช่น การโอนทรัพย์สินให้ผู้อื่น

ข้อเสนอแนะในการพัฒนาการบังคับคดีแพ่ง

  • การเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับคดี: ควรมีการปรับปรุงกฎหมายและกระบวนการบังคับคดีให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อลดระยะเวลาและค่าใช้จ่ายในการบังคับคดี
  • การเพิ่มบทลงโทษ: ควรมีบทลงโทษที่เข้มงวดมากขึ้นสำหรับลูกหนี้ที่จงใจหลบเลี่ยงการบังคับคดี
  • การนำเทคโนโลยีมาใช้: ควรนำเทคโนโลยีมาใช้ในการบังคับคดี เช่น การใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ในการติดตามทรัพย์สินและการขายทอดตลาดออนไลน์
ค่าจ้างในการบังคับคดีแพ่ง
 

ค่าจ้างในการบังคับคดีแพ่งนั้น ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ความซับซ้อนของคดี ระยะเวลาที่ใช้ในการบังคับ และความชำนาญของทนายความ โดยทั่วไปแล้ว ค่าจ้างสามารถเริ่มต้นตั้งแต่ 10,000 บาทถึง 50,000 บาทต่อคดี แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามสถานการณ์และข้อตกลงกับสำนักงาน

ต่างจังหวัด ท่านต้องชำระค่าเดินทาง ตามอัตราดังต่อไปนี้

ระยะทาง ไม่เกิน 300 กม. คิดค่าเดินทาง = 2,500 บาท
ระยะทาง 300 – 500 กม. คิดค่าเดินทาง = 3,000 บาท
ระยะทาง 500 กม. ขึ้นไป คิดค่าเดินทาง = 4,000 บาท

หมายเหตุ

กรณีตกลงเหมาจ่ายไม่มีค่าพาหนะ

ค่าเดินทางดังกล่าวไม่รวมค่าใช้จ่ายที่เป็นค่าธรรมเนียมอื่นๆ ที่ทางราชการหรือเอกชนออกให้ (ตามใบเสร็จรับเงิน)

หรือ ในราคาตกลงกัน แล้วแต่กรณี

Scroll to Top