
หนี้นอกระบบกับกองทุนหมู่บ้าน
คณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ กำหนดแนวทางการแก้หนี้นอกระบบสำหรับสมาชิกกองทุนหมู่บ้าน มาตั้งแต่ ปี 2544
สถานการณ์หนี้นอกระบบ |
ปัญหาหนี้นอกระบบในปัจจุบัน ปี พ.ศ. 2566 มักมีข่าวร้าย เกี่ยวกับการทวงหนี้ การฆ่าตัวตาย อันเป็นผลมาจากการเป็นหนี้นอกระบบ อยู่ในข่าวหน้าหนึ่ง ของหนังสือพิมพ์ไทย แทบทุกวัน การเป็นหนี้นอกระบบ เป็นปัญหาที่นำไปสู่อันตรายในชีวิตและทรัพย์สินของลูกหนี้ เนื่องจากถูกทวงหนี้โดยใช้ความรุนแรง เช่น การข่มขู่ ทำร้ายร่างกาย หรือทำลายทรัพย์สิน นอกจากปัญหาความรุนแรงจากการทวงหนี้แล้ว ลูกหนี้ยังอาจเผชิญปัญหาการทำสัญญากู้ยืมที่อำพรางดอกเบี้ยในอัตราที่สูงกว่าที่กฎหมายกำหนด (15% ต่อปี) ปัญหาหนี้นอกระบบของประเทศไทยเป็นปัญหาที่ทวีความรุนแรงขึ้นและส่งผลกระทบต่อผู้คนจำนวนมากในประเทศ หนี้นอกระบบหมายถึงการกู้ยืมเงินจากผู้ให้กู้ที่ไม่ได้รับการควบคุมซึ่งคิดอัตราดอกเบี้ยสูงเกินไปและอาจควบคุมไม่ได้อย่างรวดเร็ว วงจรของหนี้สินสามารถทำลายล้างบุคคลและครอบครัว นำไปสู่ความไม่มั่นคงทางการเงิน ความเครียด และแม้แต่ความยากจน ในบทความนี้ เราจะมาสำรวจวิธีแก้ปัญหาหนี้นอกระบบของประเทศไทยที่อาจเป็นไปได้ |
สาเหตุของการกู้เงินนอกระบบ |
การกู้ยืมเงินแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม คือ 1. การลงทุนในการประกอบอาชีพ 2. ค่าใช้จ่ายจำเป็น เช่น ค่าใช้จ่ายในครัวเรือน ค่ารักษาพยาบาล และค่าเล่าเรียน 3. ใช้คืนหนี้เก่าทั้งในระบบและนอกระบบ และ 4. ค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น เช่น ซื้อเครื่องประดับ และโทรศัพท์มือถือ ของหนี้นอกระบบจะถูกนำมาใช้เพื่อค่าใช้จ่ายจำเป็นและ หนี้นอกระบบถูกนำไปลงทุนในการประกอบอาชีพเป็นส่วนใหญ่ มีเพียงส่วนน้อย ของหนี้นอกระบบเท่านั้นที่ถูกกู้มาเพื่อใช้จ่ายหนี้อื่น ๆ และมีส่วนน้อยมากจะถูกนำมาใช้สำหรับค่าใช้จ่ายไม่จำเป็น |
แนวทางการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ |
อันดับแรกต้อง เพิ่มการศึกษาทางการเงินและการรู้หนังสือ |
สาเหตุหลักประการหนึ่งที่ทำให้ผู้คนหันไปหาผู้ให้กู้นอกระบบคือการขาดการศึกษาทางการเงินและการรู้หนังสือ ด้วยการให้การศึกษาทางการเงินที่เข้าถึงได้และครอบคลุมมากขึ้น บุคคลสามารถเข้าใจความเสี่ยงและผลที่ตามมาของการกู้ยืมเงินจากผู้ให้กู้ที่ไม่มีการควบคุมได้ดีขึ้น โปรแกรมความรู้ทางการเงินยังสามารถสอนบุคคลถึงวิธีจัดการการเงินอย่างมีประสิทธิภาพและหลีกเลี่ยงการเป็นหนี้มากเกินไป |
ควบคุมธุรกรรมเงินกู้นอกระบบ |
ปัจจุบัน ผู้ให้กู้นอกระบบในประเทศไทยดำเนินการโดยปราศจากกฎระเบียบหรือการกำกับดูแล รัฐบาลสามารถกำหนดระเบียบเพื่อให้แน่ใจว่าผู้ให้กู้มีความโปร่งใสเกี่ยวกับค่าธรรมเนียม อัตราดอกเบี้ย และเงื่อนไขการชำระคืน สิ่งนี้จะช่วยให้ผู้กู้ได้รับความคุ้มครองมากขึ้นและลดความเสี่ยงจากการถูกเอารัดเอาเปรียบ |
ให้การเข้าถึงสินเชื่อที่เหมาะสม |
หลายคนหันไปหาผู้ให้กู้นอกระบบเพราะพวกเขาไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อที่เหมาะสมจากสถาบันการเงินที่เป็นทางการ เช่น ธนาคาร รัฐบาลสามารถจัดตั้งโครงการที่ให้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำแก่บุคคลที่ต้องการ สิ่งนี้จะเป็นทางเลือกแทนการปล่อยกู้นอกระบบและลดความเสี่ยงของบุคคลที่จะติดอยู่ในวงจรหนี้ |
เสริมกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค |
ขณะนี้กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคของไทยยังอ่อนแอ ซึ่งทำให้ผู้ให้กู้นอกระบบเอาเปรียบผู้กู้ได้ง่ายขึ้น รัฐบาลสามารถเสริมสร้างกฎหมายเหล่านี้เพื่อให้การคุ้มครองผู้บริโภคดีขึ้นและลดความเสี่ยงจากการถูกเอารัดเอาเปรียบ |
ถานการณ์ของกองทุนหม๔่บ้านและชุมชนเมือง 17,000 กว่า กองทุน ปัจจุบัน มีเป็นจำนวนมาก ที่กลับประสบปัญหาหนี้เสียเสียเอง กองทุนหมู่บ้าน หลายแห่งทั่วประเทศ ต้องถูกสถาบันการเงิน ฟ้องร้อง บังคับคดีเอากับคณะกรรมการ เป็นจำนวนมาก สถาบันการเงินชุมชน ที่เคยประสบความสำเร็จหลายแห่ง ก็ประสบปัญหา หยุดกิจการ เงินของสมาชิกหายไป เป็นจำนวนหลายสถาบัน ตามที่เป็นข่าวคราวในหน้าหนังสือพิมพ์ |
แนวทางการแก้หนี้นอกระบบ ของ ผอ.สทบ. |
เมื่อ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 นายเบญจพล นาคประเสริฐ ผอ.สทบ. มีคำสั่ง สทบ.ที่ 68/2566 แต่งตั้งคณะทำงานการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบของสมาชิกกองทุนหมู่บ้านฯ ลงวันที่ 28 กพ. 2566 โดยมอบหมาย นายวิชิต เครือสุข รองผอ.สทบ.เป็นประธานคณะทำงาน โดยคณะทำงานดังกล่าวมีรายชื่อตามเอกสารแนบท้ายบทความนี้ มีอำนาจหน้าที่ ศึกษาและถอดบทเรียนจากกองทุนหมู่บ้านฯที่ประสบความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ พิจารณาปรับปรุงแนวทางและวิธีการให้มีประสิทธิภาพ กำหนดแนวทางดำเนินการ วิธีการในการป้องกัน และแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบสมาชิกกองทุนฯให้มีความยั่งยืน รวมทั้งติดต่อ ประสานงานกับบุคคลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอข้อมูล คำแนะนำ ข้อเสนอแนะที่จำเป็นต่อการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบของสมาชิกกองทุนหมู่บ้านฯ โดยให้รายงานความคืบหน้าต่อ ผอ.สทบ.ต่อไป |
สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมฃนเมืองแห่งชาติ โดย นายเบญจพล นาคประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ได้ ตั้งคณะทำงานศึกษาและถอดบทเรียนจากกทบ.ที่ประสบความสำเร็จ รวมถึง ปรับปรุงแนวทางและวิธีการแก้ปัญหาให้มีประสิทธิภาพ |
ขั้นตอนการดำเนินคดี
กระบวนพิจารณาคดีในศาล จะมีขั้นตอนที่ยุ่งยากซับซ้อนมาก จึงต้องมีการกำหนดวิธีปฏิบัติตามวันนัดพิจารณาคดีแต่ละนัดว่าจะต้องทำอะไรบ้าง เพื่อความสะดวก รวดเร็ว ให้เป็นไปด้วยความยุติธรรม
ขั้นตอนการดำเนินคดีแพ่ง
1. ยื่นคำฟ้อง คำให้การ คำร้อง
ข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายที่กล่าวในฟ้องมีพยานหลักฐานให้ศาลเชื่อได้ โจทก์เรียกร้องอะไรจากจำเลย
2. นัดพร้อม
เมื่อคู่ความทั้งสองฝ่ายมาศาลและต้องการที่จะให้มีการตกลงเจรจา ไกล่เกลี่ย กันก่อน ศาลจะสอบถามคู่ความทั้งสองฝ่ายว่าต้องการที่จะตกลงกันก่อนหรือไม่ มีพยานกี่ปาก แนวทางการสืบพยาน
3. นัดไกล่เกลี่ย
เมื่อเข้าห้องไกล่เกลี่ย เมื่อตกลงกันได้ก็จะมีการถอนฟ้องหรือทำสัญญาประนีประนอมยอมความ แต่หากตกลงกันไม่ได้ สำนวนคดีก็จะถูกส่งกลับมาที่ห้องพิจารณาเพื่อดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป
4. นัดชี้สองสถาน
คือการกำหนดประเด็นข้อพิพาทแห่งคดีและหน้าที่นำสืบ
5. นัดสืบพยาน
สืบพยานโจทก์ พยานจำเลย
6. นัดฟังคำพิพากษา ศาลจะอ่านคำพิพากษาให้คู่ความฟัง ศาลจะวินิจฉัยพยานหลักฐานทั้งปวงในคดี ถ้าศาลเห็นว่าพยานหลักฐานฝ่ายไหนมีเหตุผลน่าเชื่อกว่าก็ตัดสินให้ฝ่ายนั้นชนะ
ขั้นตอนการดำเนินคดีอาญา
1. ยื่นคำฟ้อง
โจทก์ซึ่งเป็นผู้เสียหายหรือพนักงานอัยการจะต้องตรวจดูว่ามีพยานหลักฐานสนับสนุนว่า จำเลยเป็นผู้กระทำความผิดหรือไม่ และการกระทำของจำเลยเป็นความผิดต่อกฎหมายหรือไม่
2. นัดไต่สวนมูลฟ้อง เฉพาะในคดีที่ผู้เสียหายเป็นโจทก์ฟ้องคดีเอง ในคดีอาญาที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ได้มีการสอบสวนมาแล้ว ปกติจะไม่มีการไต่สวนมูลฟ้อง พนักงานอัยการเพียงแต่นำตัวจำเลยมาศาลเพื่อยื่นฟ้อง
ส่วนคดีอาญาที่ผู้เสียหายเป็นโจทก์เองก็ต้องเริ่มด้วยการไต่สวนมูลฟ้อง โจทก์ต้องนำพยานมาสืบให้ศาลเห็นว่าคดีของตนมีมูลที่ศาลจะรับฟ้องไว้พิจารณา โดยจำเลยจะมาฟังการไต่สวนมูลฟ้องหรือไม่ก็ได้ ถ้าศาลเห็นว่าคดีมีมูลจะสั่งรับฟ้อง และศาลจะออกหมายเรียกให้จำเลยมาสู้คดี
3. นัดสอบคำให้การจำเลย
เมื่อจำเลยมาศาลแล้วศาลจะอ่านและอธิบายคำฟ้องให้จำเลยฟัง และถามจำเลยว่าจะให้การอย่างไร ถ้าจำเลยปฏิเสธก็จะมีการนัดสืบพยานต่อไป
4. นัดตรวจพยานหลักฐาน
กรณีมีพยานหลักฐานมาก ศาลอาจเห็นว่าหรือคู่ความร้องขอ
5. นัดสืบพยาน
โจทก์มีหน้าที่นำพยานหลักฐานเข้าสืบก่อน ว่าจำเลยเป็นผู้กระทำความผิด และจำเลยนำพยานหลักฐานสืบแก้ เมื่อสืบพยานเสร็จ ศาลจะนัดฟังคำพิพากษาต่อไป
6. นัดฟังคำพิพากษา
ในการตัดสินคดีศาลจะวินิจฉัยพยานหลักฐานทั้งปวงในคดี พยานหลักฐานของโจทก์ว่าสามารถฟังได้ว่าจำเลยกระทำผิดจริง โดยปราศจากข้อสงสัยอันสมควร ยกฟ้อง อ่านคำพิพากษาให้คู่ความฟัง
ค่าบริการในการว่าความในศาลชั้นต้น
1. คดีแพ่ง
คดีไม่มีข้อพิพาทหรือคดีไม่มีทุนทรัพย์
เป็นคดีที่มีการร้องขอฝ่ายเดียว เพื่อใช้สิทธิทางกฎหมาย เช่น คดีร้องจัดการมรดก, คดีร้องขอทำนิติกรรมแทนผู้เยาว์ หรือบุคคลไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ เป็นต้น ค่าว่าความคิดขั้นต่ำคดีละ 20,000 บาท (สองหมื่นบาทถ้วน)
หมายเหตุ กรณีมีการคัดค้านหรือมีการต่อสู้คดี ก็จะมีการตกลงกันอีกครั้ง
คดีมีข้อพิพาท หรือคดีมีทุนทรัพย์
กรณีที่ท่านเป็นโจทก์หรือโจทก์ร่วม ท่านต้องชำระค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีดังต่อไปนี้
คดีทุนทรัพย์ (บาท) | ค่าทนายความ (บาท) | ค่าวิชาชีพ(บาท) | ค่าบังคับคดี (ร้อยละ) |
ไม่เกิน 50,000 | ขึ้นกับข้อตกลงเป็นกรณี | ขึ้นกับข้อตกลงเป็นกรณี | 30 |
50,001 ถึง 100,000 | 15,000 | 10,000 | 30 |
100,001 ถึง 300,000 | 30,000 | 12,000 | 30 |
300,001 ถึง 500,000 | 35,000 | 14,000 | 30 |
500,001 ถึง 800,000 | 40,000 | 15,000 | 20 |
800,001 ถึง 1,000,000 | 45,000 | 17,000 | 20 |
1,000,001 ถึง 2,000,000 | 50,000 | 18,000 | 10 |
2,000,001 ถึง 3,000,000 | 60,000 | 19,000 | 10 |
3,000,001 บาทขึ้นไป | ขึ้นกับข้อตกลงเป็นกรณี | ขึ้นกับข้อตกลงเป็นกรณี | 10 |
เงื่อนไขการดำเนินงาน
1. ท่านต้องชำระค่าฤชาธรรมเนียม(ค่าขึ้นศาล)และค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการนำส่งคำ คู่ความเองเป็นค่าธรรมเนียมตามปกติของศาล
(ตามใบเสร็จรับเงิน) ดังมีรายละเอียดต่อไปนี้
คดีมโนสาเร่ ทุนทรัพย์ที่ฟ้อง ไม่เกิน 300,000 บาท เสียค่าขึ้นศาลไม่เกิน 1,000 บาท
คดีมีแพ่งสามัญ ทุน ทรัพย์ที่ฟ้อง ไม่เกิน 50 ล้านบาท เสียค่าขึ้นศาล ร้อยละ 2 แต่ไม่เกิน 200,000 บาท ส่วนที่เกิน 50 ล้านบาท
ขึ้นไป เสียค่าขึ้นศาล ร้อยละ 0.1 บาท
ค่านำหมาย,ค่าประกาศหนังสือพิมพ์ (ถ้ามี),ค่าพาหนะของพยานหมาย (ถ้ามี)เป็นต้น
2. ท่านต้องชำระค่าทนายความตามทุนทรัพย์ก่อนที่จะทำคำฟ้องยื่นต่อศาล
3. ค่าบังคับคดี บริษัทฯ จะเรียกเก็บจากท่านต่อเมื่อมีการบังคับคดี หากไม่มีการบังคับคดีท่านไม่ต้องจ่ายค่าบังคับคดี
4. ค่าว่าความ (อัตราร้อยละ) ทางบริษัทฯ คิดตามจำนวนทุนทรัพย์ที่ฟ้อง (ตามฟ้อง) และบริษัทฯ จะเรียกเก็บจากท่านต่อเมื่อ
ท่านได้รับเงินจากลูกหนี้หรือจำเลยแล้ว(ตามเกณฑ์เงินสดที่ท่านได้รับ)
5. กรณีทนายความไปศาลต่างจังหวัด บริษัทฯ จะเรียกเก็บอัตราค่าเดินทางไปศาลในแต่ละครั้ง ตามอัตราดังต่อไปนี้
ระยะทาง ไม่เกิน 300 กม. คิดค่าเดินทาง = 3,500 บาท
ระยะทาง 300 – 500 กม. คิดค่าเดินทาง = 4,500 บาท
ระยะทาง 500 กม. ขึ้นไป คิดค่าเดินทาง = 6,500 บาท
***สำหรับในเขตกรุงเทพมหานคร ท่านไม่ต้องชำระค่าเดินทางในส่วนนี้
หมายเหตุ
ค่าเดินทางดังกล่าวไม่รวมค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง เช่น ค่าที่พัก,ค่าตั๋วรถเดินทาง,ค่าน้ำมันรถยนต์,ค่าธรรมเนียมอื่นๆที่ทางราชการ หรือเอกชน
ออกให้ (ตามใบเสร็จรับเงิน)
6. คดีนอกเหนือจากที่กล่าวข้างต้นแล้ว จะตกลงกันตามความยากง่ายของการดำเนินคดี
7. การว่าจ้างมีการทำสัญญาว่าจ้างว่าความทุกครั้ง เพื่อให้ท่านเกิดความมั่นใจในการจ้างทนายความ
กรณีที่ท่านเป็นจำเลยหรือจำเลยร่วมในคดีแพ่ง
ในคดีที่มีการร้องสอดหรือร้องคัดค้านให้เป็นคดีมีข้อพิพาท คิดค่าว่าความ จำนวน 15,000 บาท(หนึ่งหมื่นห้าพันบาทถ้วน)
คดีที่ท่านถูกฟ้องเป็นจำเลยในคดีแพ่ง
ก.) คดีที่มีข้อพิพาทจากมูลละเมิด คิดค่าว่าความขั้นต่ำ ตั้งแต่ 20,000 บาท (สองหมื่นบาทถ้วน) ขึ้นไป
ข.) คดีที่มีข้อพิพาทจากนิติกรรมสัญญา คิดค่าว่าความขั้นต่ำ ตั้งแต่ 20,000 บาท (สองหมื่นบาทถ้วน) ขึ้นไป
ต่างจังหวัด ท่านต้องชำระค่าเดินทาง ตามอัตราดังต่อไปนี้
ระยะทาง ไม่เกิน 300 กม. คิดค่าเดินทาง = 2,500 บาท
ระยะทาง 300 – 500 กม. คิดค่าเดินทาง = 3,000 บาท
ระยะทาง 500 กม. ขึ้นไป คิดค่าเดินทาง = 4,000 บาท
หมายเหตุ
กรณีพิจารณาคดีออนไลน์ไม่มีค่าพาหนะ
ค่าเดินทางดังกล่าวไม่รวมค่าใช้จ่ายที่เป็นค่าธรรมเนียมอื่นๆ ที่ทางราชการหรือเอกชนออกให้ (ตามใบเสร็จรับเงิน)
หรือ ในราคาตกลงกัน แล้วแต่กรณี