ความสำคัญของพยานหลักฐานและการใช้ดุลพินิจของศาลในคดียาเสพติด

ความสำคัญของหลักฐานและการใช้ดุลพินิจของศาลในคดียาเสพติด

ความสำคัญของหลักฐานและการใช้ดุลพินิจของศาลในคดีความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด

ในระบบกฎหมายของไทย คดีเกี่ยวกับยาเสพติดถือเป็นหนึ่งในประเด็นที่ได้รับความสนใจอย่างมาก เนื่องจากเกี่ยวข้องกับทั้งความมั่นคงของสังคมและสิทธิของบุคคล การตัดสินคดีเหล่านี้ไม่เพียงแต่ต้องพิจารณากฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 และพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 แต่ยังต้องอาศัยหลักฐานที่ชัดเจนและการใช้ดุลพินิจของศาลอย่างรอบคอบ เพื่อให้ความเป็นธรรมทั้งต่อผู้ถูกกล่าวหาและสังคมโดยรวม

กรณีศึกษา: คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขแดงที่ 9536/2564

คดีนี้เป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงความละเอียดอ่อนในการพิจารณาหลักฐานและการใช้ดุลพินิจของศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติด ในคดีที่นายจักรินทร์ ถูกฟ้องในความผิดเกี่ยวกับการเสพและครอบครองเมทแอมเฟตามีน รวมถึงการขับขี่ขณะมีสารเสพติดในร่างกาย ศาลชั้นต้นได้พิพากษาลงโทษจำคุกและปรับในหลายกระทง แต่จำเลยได้อุทธรณ์ และศาลอุทธรณ์ได้มีการพิจารณาใหม่ ดังนี้:

  • ข้อเท็จจริงสำคัญ: เจ้าพนักงานจับกุมนายจักรินทร์และนายอภิสิทธิ์พร้อมยึดเมทแอมเฟตามีน 35 เม็ด ที่นายอภิสิทธิ์ซุกซ่อนไว้ นายอภิสิทธิ์ให้การรับสารภาพว่าเมตแอมเฟตามีนเป็นของตนเอง แต่ชั้นสอบสวนระบุว่านายอภิสิทธิ์อ้างว่ามีการแบ่งเมทแอมเฟตามีนให้จำเลยก่อนถึงจุดตรวจ
  • การพิจารณาของศาลอุทธรณ์: ศาลอุทธรณ์พบว่าไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนเพียงพอว่านายจักรินทร์มีส่วนร่วมในการครอบครองเมทแอมเฟตามีนเพื่อจำหน่าย เนื่องจากนายอภิสิทธิ์ไม่ยืนยันข้อเท็จจริงนี้ในชั้นศาล และคำให้การของนายอภิสิทธิ์ในชั้นสอบสวนอาจมีจุดที่สงสัยว่าเป็นคำซัดทอดของจำเลยด้วยกันเองเพื่อพยายามลดความรับผิดของตนเอง ศาลจึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 วรรคสอง
  • การใช้ดุลพินิจ: สำหรับความผิดฐานขับขี่เสพเมทแอมเฟตามีน ศาลอุทธรณ์เห็นว่าการลงโทษจำคุกเพียง 8 เดือนตามศาลชั้นต้นอาจไม่เหมาะสม เนื่องจากพฤติการณ์ของคดีไม่รุนแรงถึงขั้นก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงต่อสาธารณะ และจำเลยไม่เคยมีประวัติต้องโทษจำคุกมาก่อน ศาลจึงตัดสินให้รอการลงโทษ จำคุก และปรับ 15,000 บาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขคุมความประพฤติ

ประเด็นสำคัญที่ควรทราบ

  • หลักฐานต้องชัดเจน: ศาลให้ความสำคัญกับหลักฐานที่เป็นรูปธรรมและคำให้การที่เชื่อถือได้ หากมีข้อสงสัย ศาลจะยกประโยชน์ให้ผู้ถูกกล่าวหา
  • ดุลพินิจของศาล: การตัดสินไม่เพียงแต่ดูที่กฎหมาย แต่ยังพิจารณาถึงสถานการณ์ ความเสียหาย และโอกาสในการแก้ไขของผู้กระทำผิด
  • กฎหมายที่เกี่ยวข้อง: พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15, 57, 66, 91 และพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 157/1 เป็นกรอบสำคัญในการพิจารณาคดี

คำพิพากษาฉบับเต็ม

คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำที่ ยส.๒๑๖๑/๒๕๖๔ คดีหมายเลขแดงที่ ๙๕๓๖/๒๕๖๔ วันที่ ๑๐ เดือนมิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๔ ความอาญา ระหว่าง พนักงานอัยการจังหวัดพะเยา โจทก์ กับ นายจักรินทร์ กรรถธรรม จำเลย เรื่อง ความผิดต่อพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ ความผิดต่อพระราชบัญญัติ จราจรทางบก

จำเลย อุทธรณ์คำพิพากษา ลงวันที่ ๒๖ เดือนพฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๓ ศาลอุทธรณ์รับวันที่ ๓ เดือนมีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔

โจทก์ฟ้องและแก้ฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ เวลากลางคืนหลังเที่ยง ถึงวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๓ เวลากลางคืนหลังเที่ยง วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยเสพเมทแอมเฟตามีน อันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท ๑ จำนวน ๑ เม็ดหรือหน่วยการใช้ น้ำหนักเท่าใดไม่ปรากฏชัด โดยวิธีการสูดดมควันเข้าสู่ร่างกาย หลังจากนั้นจำเลยซึ่งได้รับใบอนุญาต รถยนต์ส่วนบุคคล เลขที่ ๕๕๐๐๐๐๙๔๕ ออกโดยนายทะเบียนจังหวัดพะเยาสาขาอำเภอร้องกวาง ได้ขับรถยนต์กระบะไปตามถนนสาธารณะสายพะเยา – วังเหนือ บริเวณหน้าวิทยาลัยเกษตร ตำบลแม่นาเรือ ซึ่งอยู่ภายในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลแม่นาเรือในขณะที่มีสารเมทแอมเฟตามีนอยู่ในร่างกายอันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย เหตุเกิดที่ตำบลและอำเภอใดไม่ปรากฏชัด จังหวัดพิษณุโลก และตำบลแม่นาเรือ อำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยาเกี่ยวพันกัน และเมื่อวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๓ เวลากลางคืนหลังเที่ยง จำเลยร่วมกับนายอภิสิทธิ์ ฝึกฝน จำเลยที่ ๒ ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ย ๓๓๑/๒๕๖๓ ของศาลชั้นต้น ซึ่งศาลพิพากษาลงโทษแล้ว ร่วมกันมีเมทแอมเฟตามึน ๓๕ เม็ด หรือหน่วยการใช้ น้ำหนักสุทธิ ๓.๔๑๐ กรัม คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ ๐.๗๖๐ กรัม ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย อันเป็นการฝ้าฝืนต่อกฎหมาย เหตุเกิดที่ตำบลแม่นาเรือ อำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา เจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมยึดเมทแอมเฟตามีน ดังกล่าว เป็นของกลาง ซึ่งศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้ริบแล้วในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ย.๓๓๑/๒๕๖๓ ของศาลชั้นต้น ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔, ๗, ๘, ๑๕, ๕๗, ๖๖, ๙๑, ๑๐๐/๑ พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔, ๔๓ ทวิ, ๑๕๗/๑ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓, ๙๑ เพิกถอนใบอนุญาตขับรถของจำเลย หรือพักใช้ใบอนุญาตขับรถของจำเลยมีกำหนดไม่น้อยกว่าหกเดือน

จำเลยให้การรับสารภาพในข้อหาเสพเมทแอมเฟตามีนและเป็นผู้ขับขี่เสพเมทแอมเฟตามึน ส่วนข้อหาอื่นให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๑๕ วรรคสาม (๒), ๕๗, ๖๖ วรรคสอง, ๙๑ ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓ พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔๓ ทวิ วรรคหนึ่ง, ๑๕๗/๑ วรรคสอง การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรม เป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ ฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก ๕ ปี และปรับ ๔๕๐,๐๐๐ บาท ฐานเสพเมทแอมเฟตามึนขณะขับรถ (ที่ถูก ฐานเสพเมทแอมเฟตามีนและฐานเป็นผู้ขับขี่เสพเมทแอมเฟตามีน) เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๑๕๗/๑ วรรคสอง ประกอบพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๙๑ ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๐ จำคุก ๘ เดือน จำเลยให้การรับสารภาพในความผิดฐานเป็นผู้ขับผู้ขับขี่เสพเมทแอมเฟตามีน เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุก ๔ เดือน รวมสองกระทง จำคุก ๕ ปี ๔ เดือน และปรับ ๔๕๐,๐๐๐ บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙, ๓๐ หากต้องกักขังแทนค่าปรับให้กักขังเกิน ๑ ปี แต่ไม่เกิน ๒ ปี ริบของกลาง พักใช้ใบอนุญาตขับขี่ของจำเลยมีกำหนด ๖ เดือน

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติดตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า ในวัน เวลา และสถานที่เกิดเหตุตามฟ้องเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยและนายอภิสิทธิ์ ฝึกฝน พร้อมยึดเมทแอมเฟตามีนในซองหมากฝรั่ง ๒ ชอง ซองละ ๑๐ เม็ด และซองละ ๒๕ เม็ด รวม ๓๕ เม็ด ที่นายอภิสิทธิ์ซุกซ่อนไว้ในเป้ากางเกงกีฬาซึ่งสวมใส่อยู่ เป็นของกลาง ตามบันทึกการจับกุมเอกสารหมาย จ.๓ เมทแอมเฟตามีนของกลางมีน้ำหนักสุทธิรวม ๓.๔๑๐ กรัม คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ ๐.๗๖๐ กรัม ตามรายงานการตรวจพิสูจน์ เอกสารหมาย จ.๑ คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยประการแรกว่าจำเลยกระทำความผิดฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นหรือไม่ โจทก์มีร้อยตำรวจเอกสมชาติ หัวนา และดาบตำรวจมารุต ปินใจ ผู้ร่วมจับกุมเป็นพยานเบิกความทำนองเดียวกัน ได้ความว่า วันเกิดเหตุ เวลา ๑๙ นาฬิกา พยานทั้งสองกับพวกร่วมกันตั้งด่านตรวจสิ่งของผิดกฎหมาย ที่จุดตรวจหน่วยบริการประชาชนตำบลแม่นาเรือ อำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา เวลา ๒๐.๔๐ นาฬิกา จำเลยขับรถยนต์กระบะมีนายอภิสิทธิ์นั่งโดยสารคู่มาด้านหน้า พยานทั้งสองกับพวกเรียกให้จำเลยหยุดรถและตรวจค้น ปรากฏว่าไม่พบสิ่งของผิดกฎหมายในตัวจำเลย แต่พบเมทแอมเฟตามีนของกลางอยู่ในซองหมากฝรั่งยี่ห้อลอตเต้ ๒ ซอง ซองหนึ่ง มี ๑๐ เม็ด อีกซองหนึ่งมี ๒๕ เม็ด ซุกซ่อนไว้ในเป้ากางเกงกีฬาที่นายอภิสิทธิ์ สวมอยู่ นายอภิสิทธิ์ยอมรับว่าเมทแอมเฟตามึนดังกล่าวเป็นของตน ส่วนจำเลย ปฏิเสธว่าไม่ใช่ของจำเลย พยานทั้งสองตรวจหาสารเสพติดในปัสสาวะของจำเลย และนายอภิสิทธิ์แล้วพบสารเมทแอมเฟตามีนในร่างกายทั้งสองคน ชั้นจับกุม แจ้งข้อกล่าวหาแก่จำเลยและนายอภิสิทธิ์ว่าเสพเมทแอมเฟตามีน ร่วมกันมีเมทแอมเฟตามึนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และจำเลยเป็นผู้ขับขี่เสพเมทแอมเฟตามีน นายอภิสิทธิ์ให้การรับสารภาพทุกข้อหา ส่วนจำเลยให้การ รับสารภาพฐานเสพเมทแอมเฟตามึนและฐานเป็นผู้ขับขี่เสพเมทแอมเฟตามีน ข้อหาอื่นให้การปฏิเสธ ตามบันทึกการจับกุมเอกสารหมาย จ.๓ และโจทก์ มีร้อยตำรวจเอกมีศักดิ์ แสงอาทิตย์ พนักงานสอบสวนเบิกความว่าชั้นสอบสวน พยานแจ้งข้อกล่าวหาแก่จำเลยและนายอภิสิทธิ์เช่นเดียวกับชั้นจับกุมตามบันทึกคำให้การของผู้ต้องหาเอกสารหมาย จ.๗ และ จ.๙ ตามลำดับ โดยนายอภิสิทธิ์ ให้การในรายละเอียดว่า นายอภิสิทธิ์และจำเลยไปร่วมงานศพที่อำเภอวังเหนือ จังหวัดลำปาง แล้วนายอภิสิทธิ์ได้รับเมทแอมเฟตามึนของกลางมาจากนายพล ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านที่มีการจัดงานศพ ระหว่างเดินทางกลับจังหวัดพะเยา นายอภิสิทธิ์แบ่งของหมากฝรั่งที่มีเมทแอมเฟตามีน ๑๐ เม็ดให้จำเลย จากนั้นเมื่อถึงด่านตรวจ เจ้าพนักงานตำรวจเรียกให้จำเลยลงจากรถ ก่อนลงจากรถจำเลยได้ยื่นห่อเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวให้นายอภิสิทธิ์ นายอภิสิทธิ์จึงนำเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวซุกซ่อนไว้ในเป้ากางเกงกีฬาที่นายอภิสิทธิ์สวมอยู่ เห็นว่า คดีได้ความจากพยานโจทก์ผู้ร่วมจับกุมว่า ชั้นจับกุมนายอภิสิทธิ์ให้การยอมรับว่าเมทแอมเฟตามีนของกลางซึ่งซุกซ่อนไว้ที่บริเวณเป้ากางเกงกีฬา ที่นายอภิสิทธิ์สวมใส่เป็นของนายอภิสิทธิ์ ส่วนจำเลยปฏิเสธทันทีว่าไม่ใช่ของจำเลย ซึ่งหากจำเลยมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย นายอภิสิทธิ์ก็น่าจะให้การเช่นนั้นเสียตั้งแต่โอกาสแรกที่พยานผู้ร่วมจับกุมสอบถามและจับกุม และโต้แย้งกับพยานผู้ร่วมจับกุมทันทีว่าความจริงมิได้เป็นไปดังที่จำเลยให้การ และแม้โจทก์จะมีนายอภิสิทธิ์มาเบิกความเป็นพยานโจทก์ด้วย แต่นายอภิสิทธิ์ก็มิได้เบิกความว่าความจริงในขณะเกิดเหตุเป็นอย่างไร คงได้ความจากคำเบิกความของนายอภิสิทธิ์เพียงว่าชั้นสอบสวนนายอภิสิทธิ์ได้ให้การแก่พนักงานสอบสวนตามบันทึกคำให้การของผู้ต้องหาเอกสารหมาย จ.๙ เท่านั้น เพราะเมื่อนายอภิสิทธิ์เบิกความเล่าเรื่องถึงเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุว่านายอภิสิทธิ์ได้รับเมทแอมเฟตามีนมาจากนายพล แล้วเดินทางกลับโดยนั่งรถมากับจำเลย และยังไม่ปรากฏว่านายอภิสิทธิ์ได้เบิกความเป็นปรปักษ์แก่โจทก์แต่อย่างใด โจทก์ก็ชิงถามนำโดยนำบันทึกคำให้การในชั้นสอบสวนของนายอภิสิทธิ์ตามบันทึกคำให้การของผู้ต้องหาเอกสารหมาย จ.๙ ให้นายอภิสิทธิ์ดูแล้วอ่านข้อความตามเอกสารดังกล่าวที่ว่า "ข้าฯได้นั่งโดยสารด้านหน้าซ้ายมาด้วย ระหว่างทางพูดกับนายจักรินทร์ว่าข้าฯได้ยาบ้ามาไม่ทราบจำนวน ข้าฯจะแบ่งยาบ้าห่อเล็กให้กับ นายจักรินทร์ ข้าฯ หยิบยาบ้าห่อเล็กออกจากเป้ากางเกงให้นายจักรินทร์รับไปจนรถยนต์แล่นมาถึงหน่วยบริการประชาชนตำรวจแม่นาเรือ พบเจ้าพนักงานตำรวจตั้งจุดตรวจสกัด เจ้าพนักงานตำรวจให้สัญญาณหยุดรถ เมื่อรถหยุดนายจักรินทร์ได้ลงจากรถ โดยเจ้าพนักงานตำรวจเรียกให้นายจักรินทร์ลงจากรถก่อนข้าฯแต่ก่อนที่นายจักรินทร์จะลงจากรถได้ยื่นห่อยาบ้าที่ข้าฯมอบให้มาให้ข้าฯเก็บไว้ ข้าฯจึงรีบเอายาบ้ามาใส่ไว้ในกางเกงกีฬาสีดำที่สวมใส่อยู่ มีกางเกงขายาวสวมทับ อีกชั้น ..." ให้นายอภิสิทธิ์ฟังแล้วถามนายอภิสิทธิ์ว่าชั้นสอบสวนได้ให้การตามข้อความที่อ่านให้ฟังหรือไม่ และนายอภิสิทธิ์ตอบว่าให้การเช่นนั้นจริงส่วนความจริงจะเป็นเช่นที่ปรากฏตามบันทึกคำให้การของผู้ต้องหาเอกสารหมาย จ.๙ ดังกล่าวหรือไม่ นั้น โจทก์ไม่ได้ซักถามเพื่อให้นายอภิสิทธิ์เบิกความยืนยัน ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อทนายจำเลยถามค้านพยานปากนายอภิสิทธิ์ว่าเหตุใดชั้นสอบสวนจึงให้การว่าแบ่งเมทแอมเฟตามีนให้จำเลยก่อนถึงจุดตรวจนายอภิสิทธิ์ตอบว่าเพราะต้องการให้จำเลยรับโทษไปกึ่งหนึ่งโจทก์ก็มิได้ถามติงเพื่อให้นายอภิสิทธิ์เบิกความอธิบายว่าความจริงเป็นเช่นไรแน่ คำให้การในชั้นสอบสวนของนายอภิสิทธิ์ ส่อแสดงว่านายอภิสิทธิ์ประสงค์แบ่งความรับผิดเกี่ยวกับเมทแอมเฟตามีน ๑๐ เม็ด ไปให้จำเลย จึงเป็นคำให้การชัดทอดที่มีข้อให้ระแวงว่า นายอภิสิทธิ์ให้การเพื่อให้ตนเองหลุดพ้นจากความผิดเกี่ยวกับเมทแอมเฟตามีน ๑๐ เม็ด ที่อ้างว่าแบ่งให้จำเลยก่อนพบเจ้าพนักงานตำรวจที่ตั้งด่านตรวจ หาใช่คำให้การชัดทอดที่มิได้มุ่งประสงค์ให้ตนเองพ้นผิดดังที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยไม่ เมื่อโจทก์มีประจักษ์พยานเพียงปากเดียวคือนายอภิสิทธิ์ แต่นายอภิสิทธิ์มิได้เบิกความยืนยันว่าจำเลยร่วมครอบครองเมทแอมเฟตามีนของกลาง แต่เบิกความตอบทนายจำเลยถามค้านว่า ขณะอยู่ในรถนายอภิสิทธิ์ไม่ได้มอบซองหมากฝรั่งที่มีเมทแอมเฟตามีนให้แก่จำเลย อีกทั้งจำเลยให้การปฏิเสธตลอดมาตั้งแต่ชั้นจับกุม พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมาดังกล่าวจึงยังมีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยกระทำความผิดฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามึนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นต้นหรือไม่ ให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๒๗ วรรคสอง พระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๓ ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยมาในฐานนี้นั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติด อุทธรณ์ของจำเลยข้อนี้ฟังขึ้น ปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยประการต่อไปมีว่าสมควรลงโทษจำเลยในความผิดฐานเป็นผู้ขับขี่เสพเมทแอมเฟตามีนเบากว่าคำพิพากษาศาลชั้นต้น และรอการลงโทษให้แก่จำเลยหรือไม่ เห็นว่า ความผิดฐานเป็นผู้ขับขี่เสพเมทแอมเฟตามีนนั้น ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๖๒ มาตรา ๑๕๗/๑ วรรคสอง ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่ใช้ลงโทษแก่จำเลย มีกำหนดระวางโทษสูงกว่าที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยยาเสพติดให้โทษอีกหนึ่งในสาม กฎหมายว่าด้วยยาเสพติดให้โทษในกรณีนี้คือพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๙๑ ซึ่งมีระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงสามปี หรือปรับแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุก ๘ เดือน นั้น เป็นการกำหนดโทษจำคุกไนอัตราชั้นต่ำสุดตามกฎหมายไม่อาจกำหนดโทษจำคุกให้เบาลงอีก และแม้โดยปกติการเสพเมทแอมเฟตามีนในขณะขับรถอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นที่ใช้ทางเดินรถร่วมกับจำเลยก็ตาม แต่คดีนี้รถที่จำเลยขับมิใช่รถที่มีขนาดใหญ่เช่นรถบรรทุกหรือรถยนต์โดยสารสาธารณะ พฤติการณ์ในการกระทำความผิดของจำเลยจึงไม่อาจความเสียหายร้ายแรงนัก การลงโทษจำคุกระยะสั้นนอกจากไม่เป็นผลดีแก่จำเลย แล้ว ยังไม่เกิดประโยชน์แก่สังคมโดยส่วนรวมอีกด้วย ประกอบกับไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน เห็นควรให้โอกาสกลับตัวเป็นพลเมืองดีโดยรอการลงโทษจำคุกไว้สักครั้งหนึ่งน่าจะเป็นผลดีแก่จำเลยและสังคม ที่ศาลชั้นต้นใช้ดุลพินิจลงโทษจำคุกโดยไม่รอการลงโทษนั้น ศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติดไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของจำเลยฟังขึ้น แต่เพื่อให้จำเลยหลาบจำและไม่หวนกลับไปกระทำความผิดอีก จึงให้ลงโทษปรับอีกสถานหนึ่ง และกำหนดเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติของจำเลยไว้ สำหรับเมทแอมเฟตามีนของกลางที่โจทก์ขอให้ริบ เมื่อปรากฏว่าศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้ริบของกลางดังกล่าวแล้วในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ย๓๓๑/๒๕๖๓ จึงไม่ต้องสั่งริบของกลางในคดีนี้อีก

พิพากษาแก้เป็นว่า ฐานเป็นผู้ขับขี่เสพเมทแอมเฟตามึน ให้ลงโทษปรับ ๓๐,๐๐๐ บาท อีกสถานหนึ่ง ลดโทษกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงปรับ ๑๕,๐๐๐ บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ ๓ ปี และคุมความประพฤติของจำเลยไว้ ๒ ปี นับแต่วันที่อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยฟัง โดยให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติปีละ ๔ ครั้ง ตามเงื่อนไขและระยะเวลาที่พนักงานคุมประพฤติเห็นสมควร ห้ามจำเลยเกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้โทษทุกชนิด ให้จำเลยไปรับการบำบัดรักษาการเสพหรือการติดยาเสพติดให้โทษ ณ สถานที่ และตามระยะเวลาที่พนักงานคุมประพฤติเห็นสมควร กับให้จำเลยกระทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ตามที่พนักงานคุมประพฤติเห็นสมควรเป็นเวลา ๒๔ ชั่วโมง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๖ ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙, ๓๐ ข้อหาอื่นให้ยก และยกคำขอให้ริบของกลาง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น. นางกฤษณา รัตนาสิน นายเสถียร ศรีทองชัย นางสาวศรีรัตน์ ธนธีรโชติ

รายละเอียดเพิ่มเติม

ในส่วนของคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีนี้ยังแสดงให้เห็นถึงการประยุกต์ใช้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 เกี่ยวกับการลดโทษเมื่อผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ และมาตรา 56 เกี่ยวกับการคุมความประพฤติ ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ศาลใช้เพื่อให้โอกาสผู้กระทำผิดกลับตัวเป็นพลเมืองดี โดยไม่ต้องรับโทษจำคุกทันที

นอกจากนี้ ศาลยังพิจารณาถึงผลกระทบต่อสังคมจากการเสพและขับขี่ โดยชี้ว่าการลงโทษที่รุนแรงเกินไปอาจไม่เกิดประโยชน์หากผู้กระทำผิดสามารถได้รับการฟื้นฟูและกลับมาเป็นสมาชิกที่ดีของสังคมได้

สำนักงานกฎหมายของเราเชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษาและต่อสู้คดีในลักษณะนี้ เพื่อปกป้องสิทธิของผู้ถูกกล่าวหาและหาทางออกที่เหมาะสมที่สุดตามกฎหมาย

เหตุใดสำนักงานกฎหมายของเราจึงสำคัญ?

ทีมทนายความของเรามีประสบการณ์ในการจัดการคดีที่ซับซ้อนเกี่ยวกับยาเสพติดและกฎหมายจราจร เราคือพันธมิตรที่คุณสามารถไว้วางใจได้ในการปกป้องสิทธิและเสรีภาพของคุณ ด้วยความมุ่งมั่นในการทำงานอย่างมืออาชีพและซื่อสัตย์

ติดต่อเรา: หากคุณหรือคนที่คุณรู้จักกำลังเผชิญกับคดีที่คล้ายคลึงกัน อย่าลังเลที่จะปรึกษากับเราเพื่อรับคำแนะนำที่ถูกต้องตามกฎหมาย.

หมายเหตุ: เนื้อหาดังกล่าวจัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น ไม่ถือเป็นคำแนะนำทางกฎหมายโดยตรง กรุณาปรึกษาทนายความเพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมกับกรณีของคุณ

Scroll to Top