การดำเนินคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องคดีอาญา

คดีแพ่งเกี่ยวเนื่องคดีอาญา

คดีแพ่งเกี่ยวเนื่องคดีอาญา หมายถึง คดีที่มีการฟ้องร้องทั้งในทางแพ่งและทางอาญาในเรื่องเดียวกัน โดยคดีแพ่งจะเกี่ยวข้องกับการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนหรือการชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการกระทำผิดทางอาญา เช่น การทำร้ายร่างกาย การฉ้อโกง หรือการทำลายทรัพย์สิน

ความสำคัญของคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องคดีอาญา

การดำเนินคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องคดีอาญามีความสำคัญเนื่องจาก :

  1. การชดเชยความเสียหาย: ผู้เสียหายสามารถเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากผู้กระทำผิดเพื่อชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้น

  2. การป้องกันการกระทำผิดซ้ำ: การดำเนินคดีทางอาญาช่วยป้องกันไม่ให้ผู้กระทำผิดกระทำผิดซ้ำอีก

การสร้างความยุติธรรม: การดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและทางอาญาช่วยสร้างความยุติธรรมให้แก่ผู้เสียหายและสังคม

กฎหมายที่เกี่ยวข้องในประเทศไทย

การดำเนินคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องคดีอาญาอยู่ภายใต้บทบัญญัติของ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ซึ่งกำหนดขั้นตอนและข้อกำหนดในการดำเนินคดีทั้งสองประเภท

ขั้นตอนการดำเนินคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องคดีอาญา

  1. การแจ้งความและการสืบสวน:

    • เมื่อเกิดการกระทำผิดทางอาญา ผู้เสียหายสามารถแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ

      การแจ้งความ : การแจ้งความคดีอาญาเป็นขั้นตอนสำคัญในการเริ่มต้นกระบวนการยุติธรรมทางอาญา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรับทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและดำเนินการสืบสวนสอบสวนเพื่อหาผู้กระทำผิดและนำตัวเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดี ดังนี้

      • ผู้เสียหายหรือผู้พบเหตุการณ์สามารถแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สถานีตำรวจที่ใกล้ที่สุด

      • การแจ้งความสามารถทำได้ทั้งด้วยวาจาและเป็นลายลักษณ์อักษร โดยต้องระบุรายละเอียดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เช่น วันเวลา สถานที่ และลักษณะของการกระทำผิด       

การรับแจ้งความ : เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรับทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและดำเนินการสืบสวนสอบสวนเพื่อหาผู้กระทำผิดและนำตัวเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดี 

  1. เจ้าหน้าที่ตำรวจจะรับแจ้งความและบันทึกข้อมูลในบันทึกประจำวัน

  2. เจ้าหน้าที่จะสอบปากคำผู้แจ้งความเพื่อรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติม

การสืบสวนสอบสวน : การรวบรวมและตรวจสอบข้อมูล พยานหลักฐาน และข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด การสืบสวนสอบสวนช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถหาผู้กระทำผิดและนำตัวเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดีได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ขั้นตอนการสืบสวนสอบสวน

  1. การรับแจ้งความ:

    • กระบวนการเริ่มต้นเมื่อมีการแจ้งความจากผู้เสียหายหรือผู้พบเหตุการณ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะรับแจ้งความและบันทึกข้อมูลในบันทึกประจำวัน

  2. การตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ:

    • เจ้าหน้าที่ตำรวจจะไปยังสถานที่เกิดเหตุเพื่อเก็บรวบรวมพยานหลักฐาน เช่น การถ่ายภาพ การเก็บลายนิ้วมือ การตรวจสอบวัตถุพยาน

  3. การสอบปากคำพยาน:

    • เจ้าหน้าที่ตำรวจจะสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องเพื่อรวบรวมข้อมูลและข้อเท็จจริงเพิ่มเติม

    • การสอบปากคำจะถูกบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรหรือวิดีโอ

  4. การวิเคราะห์หลักฐาน:

    • เจ้าหน้าที่ตำรวจจะวิเคราะห์หลักฐานที่เก็บรวบรวมได้จากสถานที่เกิดเหตุและพยานหลักฐานอื่น ๆ

    • การวิเคราะห์อาจรวมถึงการตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ เช่น การตรวจ DNA การตรวจสอบวัตถุพยานทางเทคนิค

  5. การติดตามและจับกุมผู้ต้องสงสัย:

    • หากมีพยานหลักฐานที่เพียงพอ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะติดตามและจับกุมผู้ต้องสงสัย

    • ผู้ต้องสงสัยจะถูกนำตัวมาสอบสวนเพิ่มเติมและฝากขังในสถานที่ที่เจ้าหน้าที่กำหนด

  6. การจัดทำสำนวนการสืบสวน:

    • เมื่อการสืบสวนเสร็จสิ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจะจัดทำสำนวนการสืบสวนที่รวมถึงพยานหลักฐานทั้งหมดและรายงานการสอบสวน

    • สำนวนการสืบสวนจะถูกส่งไปยังพนักงานอัยการเพื่อตรวจสอบและพิจารณาการฟ้องร้อง

สิทธิของผู้ต้องสงสัยและผู้ต้องหา

สิทธิของผู้ต้องสงสัย:

  1. มีสิทธิ์ที่จะไม่ถูกบังคับให้ยอมรับสารภาพหรือให้การเพิ่มเติมโดยใช้การข่มขู่หรือการบังคับ

  2. มีสิทธิ์ที่จะได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรมและตามกระบวนการทางกฎหมาย

สิทธิของผู้ต้องหา:

    1. มีสิทธิ์ที่จะได้รับการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรม

    2. มีสิทธิ์ที่จะมีทนายความในการป้องกันตนเองและสามารถนำเสนอพยานหลักฐานเพื่อป้องกันตนเองได้

บทบาทของพนักงานอัยการ

พนักงานอัยการ มีบทบาทสำคัญในการพิจารณาสำนวนการสืบสวนและการฟ้องร้องผู้ต้องหา พนักงานอัยการจะตรวจสอบพยานหลักฐานและตัดสินใจว่าจะฟ้องร้องหรือไม่ รวมถึงดำเนินการในกระบวนการพิจารณาคดีเพื่อให้ผู้ต้องหาได้รับการพิจารณาอย่างเป็นธรรม

ความสำคัญของการสืบสวนสอบสวน

การสืบสวนสอบสวนมีความสำคัญในการประกันความยุติธรรมและความปลอดภัยของสังคม การสืบสวนสอบสวนที่มีประสิทธิภาพช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถหาผู้กระทำผิดและนำตัวเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดีได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ

    • พนักงานอัยการจะทำการฟ้องร้องผู้ต้องหาต่อศาลอาญาที่มีเขตอำนาจ

    • ศาลอาญาที่มีเขตอำนาจจะพิจารณาคดีและตัดสินว่าผู้ต้องหามีความผิดหรือไม่

  1. การฟ้องร้องทางแพ่ง:

    • ผู้เสียหายสามารถยื่นฟ้องร้องทางแพ่งเพื่อเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากผู้กระทำผิด

    • คดีแพ่งจะถูกพิจารณาโดยศาลแพ่ง ซึ่งจะพิจารณาความเสียหายที่เกิดขึ้นและกำหนดค่าสินไหมทดแทน

  2. การพิจารณาคดีในศาล:

    • ศาลอาญาจะพิจารณาคดีทางอาญาและตัดสินว่าผู้ต้องหามีความผิดหรือไม่

    • ศาลแพ่งจะพิจารณาคดีทางแพ่งและกำหนดค่าสินไหมทดแทนที่ผู้กระทำผิดต้องชดใช้

ความสำคัญของคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องคดีอาญา

การดำเนินคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องคดีอาญามีความสำคัญเนื่องจาก:

    1. การชดเชยความเสียหาย: ผู้เสียหายสามารถเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากผู้กระทำผิดเพื่อชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้น

    2. การป้องกันการกระทำผิดซ้ำ: การดำเนินคดีทางอาญาช่วยป้องกันไม่ให้ผู้กระทำผิดกระทำผิดซ้ำอีก

    3. การสร้างความยุติธรรม: การดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและทางอาญาช่วยสร้างความยุติธรรมให้แก่ผู้เสียหายและสังคม

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

การดำเนินคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องคดีอาญาอยู่ภายใต้บทบัญญัติของ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ซึ่งกำหนดขั้นตอนและข้อกำหนดในการดำเนินคดีทั้งสองประเภท

ขั้นตอนการดำเนินคดี
กระบวนพิจารณาคดีในศาล จะมีขั้นตอนที่ยุ่งยากซับซ้อนมาก จึงต้องมีการกำหนดวิธีปฏิบัติตามวันนัดพิจารณาคดีแต่ละนัดว่าจะต้องทำอะไรบ้าง เพื่อความสะดวก รวดเร็ว ให้เป็นไปด้วยความยุติธรรม

ขั้นตอนการดำเนินคดีแพ่ง
1. ยื่นคำฟ้อง คำให้การ คำร้อง
ข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายที่กล่าวในฟ้องมีพยานหลักฐานให้ศาลเชื่อได้ โจทก์เรียกร้องอะไรจากจำเลย
2. นัดพร้อม
เมื่อคู่ความทั้งสองฝ่ายมาศาลและต้องการที่จะให้มีการตกลงเจรจา ไกล่เกลี่ย กันก่อน ศาลจะสอบถามคู่ความทั้งสองฝ่ายว่าต้องการที่จะตกลงกันก่อนหรือไม่ มีพยานกี่ปาก แนวทางการสืบพยาน
3. นัดไกล่เกลี่ย
เมื่อเข้าห้องไกล่เกลี่ย เมื่อตกลงกันได้ก็จะมีการถอนฟ้องหรือทำสัญญาประนีประนอมยอมความ แต่หากตกลงกันไม่ได้ สำนวนคดีก็จะถูกส่งกลับมาที่ห้องพิจารณาเพื่อดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป
4. นัดชี้สองสถาน
คือการกำหนดประเด็นข้อพิพาทแห่งคดีและหน้าที่นำสืบ
5. นัดสืบพยาน
สืบพยานโจทก์ พยานจำเลย
6. นัดฟังคำพิพากษา ศาลจะอ่านคำพิพากษาให้คู่ความฟัง ศาลจะวินิจฉัยพยานหลักฐานทั้งปวงในคดี ถ้าศาลเห็นว่าพยานหลักฐานฝ่ายไหนมีเหตุผลน่าเชื่อกว่าก็ตัดสินให้ฝ่ายนั้นชนะ

ค่าบริการในการว่าความในศาลชั้นต้น

1. คดีแพ่งเกี่ยวเนื่องคดีอาญา

คดีไม่มีข้อพิพาทหรือคดีไม่มีทุนทรัพย์

เป็นคดีที่มีการร้องขอฝ่ายเดียว เพื่อใช้สิทธิทางกฎหมาย เช่น คดีร้องจัดการมรดก, คดีร้องขอทำนิติกรรมแทนผู้เยาว์ หรือบุคคลไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ เป็นต้น ค่าว่าความคิดขั้นต่ำคดีละ 20,000 บาท (สองหมื่นบาทถ้วน)

หมายเหตุ กรณีมีการคัดค้านหรือมีการต่อสู้คดี ก็จะมีการตกลงกันอีกครั้ง

คดีมีข้อพิพาท หรือคดีมีทุนทรัพย์

กรณีที่ท่านเป็นโจทก์หรือโจทก์ร่วม ท่านต้องชำระค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีดังต่อไปนี้

คดีทุนทรัพย์ (บาท)ค่าทนายความ (บาท)ค่าวิชาชีพ(บาท)ค่าบังคับคดี   (ร้อยละ)
ไม่เกิน 50,000ขึ้นกับข้อตกลงเป็นกรณีขึ้นกับข้อตกลงเป็นกรณี30
50,001 ถึง 100,00015,00010,00030
100,001 ถึง 300,00030,00012,00030
300,001 ถึง 500,00035,00014,00030
500,001 ถึง 800,00040,00015,00020
800,001 ถึง 1,000,00045,00017,00020
1,000,001 ถึง 2,000,00050,00018,00010

2,000,001 ถึง 3,000,000

60,00019,00010
3,000,001 บาทขึ้นไปขึ้นกับข้อตกลงเป็นกรณีขึ้นกับข้อตกลงเป็นกรณี10

เงื่อนไขการดำเนินงาน
1. ท่านต้องชำระค่าฤชาธรรมเนียม(ค่าขึ้นศาล)และค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการนำส่งคำ คู่ความเองเป็นค่าธรรมเนียมตามปกติของศาล

(ตามใบเสร็จรับเงิน) ดังมีรายละเอียดต่อไปนี้

คดีมโนสาเร่ ทุนทรัพย์ที่ฟ้อง ไม่เกิน 300,000 บาท เสียค่าขึ้นศาลไม่เกิน 1,000 บาท
คดีมีแพ่งสามัญ ทุน ทรัพย์ที่ฟ้อง ไม่เกิน 50 ล้านบาท เสียค่าขึ้นศาล ร้อยละ 2 แต่ไม่เกิน 200,000 บาท ส่วนที่เกิน 50 ล้านบาท
ขึ้นไป เสียค่าขึ้นศาล ร้อยละ 0.1 บาท
ค่านำหมาย,ค่าประกาศหนังสือพิมพ์ (ถ้ามี),ค่าพาหนะของพยานหมาย (ถ้ามี)เป็นต้น
2. ท่านต้องชำระค่าทนายความตามทุนทรัพย์ก่อนที่จะทำคำฟ้องยื่นต่อศาล
3. ค่าบังคับคดี  จะเรียกเก็บจากท่านต่อเมื่อมีการบังคับคดี หากไม่มีการบังคับคดีท่านไม่ต้องจ่ายค่าบังคับคดี
4. ค่าว่าความ (อัตราร้อยละ)  คิดตามจำนวนทุนทรัพย์ที่ฟ้อง (ตามฟ้อง) และ จะเรียกเก็บจากท่านต่อเมื่อ

ท่านได้รับเงินจากลูกหนี้หรือจำเลยแล้ว(ตามเกณฑ์เงินสดที่ท่านได้รับ)
5. กรณีทนายความไปศาลต่างจังหวัด บริษัทฯ จะเรียกเก็บอัตราค่าเดินทางไปศาลในแต่ละครั้ง ตามอัตราดังต่อไปนี้

ระยะทาง ไม่เกิน 300 กม. คิดค่าเดินทาง = 3,500 บาท
ระยะทาง 300 – 500 กม. คิดค่าเดินทาง = 4,500 บาท
ระยะทาง 500 กม. ขึ้นไป คิดค่าเดินทาง = 6,500 บาท
***สำหรับในเขตกรุงเทพมหานคร ท่านไม่ต้องชำระค่าเดินทางในส่วนนี้
หมายเหตุ

ค่าเดินทางดังกล่าวไม่รวมค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง เช่น ค่าที่พัก,ค่าตั๋วรถเดินทาง,ค่าน้ำมันรถยนต์,ค่าธรรมเนียมอื่นๆที่ทางราชการ หรือเอกชน

ออกให้ (ตามใบเสร็จรับเงิน)
6. คดีนอกเหนือจากที่กล่าวข้างต้นแล้ว จะตกลงกันตามความยากง่ายของการดำเนินคดี
7. การว่าจ้างมีการทำสัญญาว่าจ้างว่าความทุกครั้ง เพื่อให้ท่านเกิดความมั่นใจในการจ้างทนายความ

กรณีที่ท่านเป็นจำเลยหรือจำเลยร่วมในคดีแพ่ง
ในคดีที่มีการร้องสอดหรือร้องคัดค้านให้เป็นคดีมีข้อพิพาท คิดค่าว่าความ จำนวน 15,000 บาท(หนึ่งหมื่นห้าพันบาทถ้วน)

คดีที่ท่านถูกฟ้องเป็นจำเลยในคดีแพ่ง
ก.) คดีที่มีข้อพิพาทจากมูลละเมิด คิดค่าว่าความขั้นต่ำ ตั้งแต่ 20,000 บาท (สองหมื่นบาทถ้วน) ขึ้นไป
ข.) คดีที่มีข้อพิพาทจากนิติกรรมสัญญา คิดค่าว่าความขั้นต่ำ ตั้งแต่ 20,000 บาท (สองหมื่นบาทถ้วน) ขึ้นไป

ต่างจังหวัด ท่านต้องชำระค่าเดินทาง ตามอัตราดังต่อไปนี้

ระยะทาง ไม่เกิน 300 กม. คิดค่าเดินทาง = 2,500 บาท
ระยะทาง 300 – 500 กม. คิดค่าเดินทาง = 3,000 บาท
ระยะทาง 500 กม. ขึ้นไป คิดค่าเดินทาง = 4,000 บาท

หมายเหตุ

กรณีพิจารณาคดีออนไลน์ไม่มีค่าพาหนะ

ค่าเดินทางดังกล่าวไม่รวมค่าใช้จ่ายที่เป็นค่าธรรมเนียมอื่นๆ ที่ทางราชการหรือเอกชนออกให้ (ตามใบเสร็จรับเงิน)

หรือ ในราคาตกลงกัน แล้วแต่กรณี

Scroll to Top